ขั้นตอนการซ่อมสีและตัวถังอย่างเข้าใจง่ายๆ
1.ล้างทำความสะอาดพี้นผิวที่ต้องการซ่อม
2.เคาะชิ้นงานที่ต้องการซ่อมให้เข้ารูป
3.ขัดกระดาษทรายบนแผลและรอบๆ พร้อมพ่นสีพื้นเกาะเหล็ก จำนวน 1 เที่ยว ในกรณีมีการซ่อมตั้งแต่ชั้นผิวโลหะ หรือ พ่นสีรองพื้น 2K บนพื้นผิวสีเดิมใน
กรณีไม่ถึงผิวโลหะ
4.ทำการโป๊วด้วย สีโป้วเนื้อละเอียด พร้อมทำการแต่งเนื้อสีโป้วให้เรียบเข้ากับผิวชิ้นงาน ด้วยกระดาษทราย
5.พ่นสีรองพื้น2K อีกครั้ง ประมาณ 2 เที่ยว เมื่อแห้งแล้วจึงทำการขัดแต่งเก็บรอยเพื่อให้พื้นผิวเรียบด้วยกระดาษทราย
6.เมื่อแน่ใจว่าสีรองพื้น มีความเรียบเนียน ไร้รูตามด หรือ ไร้รอยต่อระหว่างสีเดิมกับสีรองพื้นแล้ว ก็สามารถพ่นสีจริงได้เลย
7.ขั้นตอนในการซ่อมสีจริง ในกรณีซ่อมแผล ต้องมีการแต่งสีโดยความชำนาญของช่างแต่งสี เพราะรถแต่ละคันผ่านการใช้งานมา หรือแม้กระทั่งรถป้ายแดง
ก็จำเป็นต้องแต่งสีเพื่อให้สีที่ต้องการซ่อมกลมกลืนกับสีเดิมมากที่สุด โดยส่วนใหญ่ทางช่างแต่งสีจะถอดฝาถังน้ำมันตัวรถ มาเป็นตัวอย่างในการแต่งสี
แล้วทำการพ่นสีเทียบกับฝาถังน้ำมันจนกว่า สีที่แต่งจะเหมือนหรือใกล้เคียงมากที่สุด เมื่อแน่ใจแล้ว ก็ทำการพ่นสีจริงได้เลย
8.พ่นสีจริงประมาณ 2-3 เที่ยว (2K) (กระป่องละประมาณ 750 บาท ขึ้นไป) ขึ้นอยู่กับเฉดสี เพราะสีบางเฉดกลบตัวยากเช่น สีมุก หรือ สีโปร่งๆ เพื่อกลบตัว
เท่านั้น โดยไม่จำเป็นต้องพ่นหนา แต่ถ้าเป็นสี 1K แห้งเร็ว (กระป๋องละประมาณ 400-550 บาท)และ สีไนโตรเซลลูโลส หรือ ภาษาช่างเรียกว่าสีเบอร์
ซึ่งบ้านเราจะมีประมาณ 2 ยี่ห้อ คือ ตราพัด ตราผึ้ง ซึ่งจะราคาถูกประมาณกระป๋องละ 300 กว่าบาท ส่วนมากสีประเภทนี้จะนำมาพ่นรถแท็กซี่ หรือพ่นรถ
เต้นท์ย้อมแมวราคาถูก หรือไม่ก็สำหรับอู่บางอู่ที่โฆษณาว่าพ่นสี 2 K เต็มระบบ ราคาถูก ก็ให้สันนิษฐานได้เลยว่าคงเป็นสีประเภทนี้
9.เมื่อพ่นสีจริงเที่ยวสุดท้ายเรียบร้อยแล้ว ทิ้งช่วงประมาณ 10-15 นาที หลังจากนี้ก็ทำการพ่นเคลียร์แล็กเกอร์ประมาณ 1-2 เที่ยว เป็นอันเสร็จ
10.เมื่อพ่นสีจริงและเคลียร์เรียบร้อยแล้ว ควรทิ้งให้เคลียร์แล็กเกอร์แห้งผิวไม่ต่ำกว่า 3 ชั่วโมง แล้วค่อยทำการขัดเงา (ขั้นตอนการขัดเงา บางครั้งอาจไม่จำ
เป็น หรือ ยิ่งทิ้งไว้ให้นานแล้วค่อยมาขัดจะยิ่งดี จะทำให้ผิวเคลียร์มีความแข็ง เงางามทนทาน)
ที่มา : http://www.civicesgroup.com/forum/topic26338