ก่อนจะเลือกหัวเทียน อยากให้ทำความรู้จักกับหัวเทียนสักนิด ว่ามีแบบไหนบ้าง และจะเลือกหัวเทียนแบบไหนให้เหมาะกับรถคุณ
หัวเทียน มีอยู่สองประเภท คือ หัวเทียนร้อน และ หัวเทียนเย็น
หัวเทียนร้อน
หัวเทียนร้อน เป็นหัวเทียนที่ระบายความร้อนออกได้ช้า เมื่อมีการเผาไหม้จากการจุดระเบิด หัวเทียนจะสะสมความร้อนไปเรื่อยๆ
หัวเทียนเย็น
หัวเทียนเย็น เป็นหัวเทียนที่สามารถถ่ายเทความร้อนออกไปได้เร็วกว่าหัวเทียนร้อน โดยหัวเทียนเย็นจะสะสมความร้อนไว้ในระดับหนึ่ง เพื่อให้หัวเทียนมีความแห้งตลอดเวลา
โดยทั่วไปแล้ว การเลือกหัวเทียนทั้งสองแบบ ไม่ได้มีอะไรต่างกันมากนัก ยกเว้นเรื่องการถ่ายเทความร้อนที่ต่างกันเท่านั้นเอง
การเลือกหัวเทียนใช้งาน
การเลือกหัวเทียนใช้งาน สำหรับรถที่วิ่งในเมือง จะค่อนข้างวิ่งช้า หรือคลานไปเรื่อยๆ ซึ่งอุณหภูมิในห้องเผาไหม้จะต่ำมาก ในสถานการณ์แบบนี้ จำเป็นต้องเลือกหัวเทียนที่มีการระบายความร้อนช้า เพื่อเก็บความร้อนสะสมเอาไว้ ป้องกันไม่ให้เกิด “หัวเทียนบอด” จึงควรเลือกหัวเทียน แบบ “หัวเทียนร้อน” ในการใช้งาน
สำหรับ รถที่วิ่งโดยใช้ความเร็วสูงมากๆ บ่อยครั้ง เช่นวิ่งระยะทางไกล หรือวิ่งบนถนนโล่งๆ ตามต่างจังหวัด ถ้าเราใช้หัวเทียนร้อน มันจะทำให้ระบายความร้อนไม่ทัน อาจทำให้หัวเทียนละลาย กระเบื้องแตก หรือเกิดอาการชิงจุดระเบิด คือ เมื่อหัวเทียนร้อนเกินไป จะเหมือนโลหะเผาไฟร้อนแดง เมื่อมีไอดีเข้ามาเป็นเชื้อเพลิงพร้อมที่จะจุดระเบิด พอกระทบหัวเทียนในจังหวะที่ยังไม่ถึงจังหวะจุดระเบิด หัวเทียนจะชิงจุดระเบิดทันทีจากความร้อนสะสมของหัวเทียน
การ ชิงจุดระเบิดที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ชิ้นส่วนที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ได้รับความเสียหายจากแรงระเบิดที่ เกิดขึ้นก่อน ซึ่งสวนทางกับลูกสูบที่กำลังเลื่อนขึ้น ลูกสูบจึงได้รับความเสียหายมากกว่าชิ้นส่วนอื่นๆ และถ้าการชิงจุดระเบิดเกิดขึ้นที่บริเวณ ผนังกระบอกสูบที่จุดใดจุดหนึ่ง ความร้อนที่เกิดจากการระเบิดนั้นสูงมาก อาจจะทำให้ลูกสูบเกิดการละลายได้ (พูดง่ายๆก็คือ แทนที่การระเบิดจะเริ่มที่บริเวณห้องเผาไหม้ แล้วเกิดแก๊สดันลูกสูบลงมาเสร็จแล้วแก๊สก็จะถูกคายออกไปทางวาล์วไอเสีย แต่มันดันมาเกิดอยู่ด้านล่างของห้องเผาไหม้ ซึ่งก็คือผนังกระบอกสูบนั่นเอง ที่นี้อุณหภูมิของการระเบิดที่จุดศูนย์กลางของการเริ่มระเบิดมันสูง และยังตามติดลูกสูบเป็นเวลานานกว่า แทนที่ลูกสูบจะเคลื่อนลงเพื่อหนีความร้อนกับกลายเป็นโดนความร้อนหลอมละลายไป เสีย)
นอก จากนี้ การชิงจุดระเบิดที่เกิดขึ้นก่อนที่วาล์วไอดี-ไอเสียจะปิดสนิท ความร้อนที่เกิดจากการเผาไหม้ซ้อนกันนั้น อาจจะย้อนกลับออกไปทางวาล์วไอดี-ไอเสียได้ ส่งผลให้เกิดความเสียหายกับวาล์วและบ่าวาล์วได้
ถ้า สังเกตุหัวลูกสูบที่เกิดการละลายจะรู้ได้ทันทีว่าเกืดจากอะไร เพราะถ้าการละลายเกิดขึ้นที่หัวลูกสูบบริเวณด้านไอดี แสดงว่ามีการชิงจุดระเบิด เพราะเป็นจุดที่มีส่วนผสมไอดีอยู่หนาแน่นมากที่สุด
ดัง นั้น การเลือกหัวเทียน จึงต้องเลือกให้ถูกกับลักษณะการใช้งานของรถยนต์ โดยรถที่ใช้ความเร็วตลอด ควรเลือกใช้ “หัวเทียนเย็น” เพื่อการระบายความร้อนที่ดีกว่า
การเลือกหัวเทียน ควรเลือกให้เหมาะสมกับเครื่องยนต์
สำหรับรถยนต์ที่ไม่ใช่เครื่องซิ่ง เป็นเครื่องยนต์สแตนดาร์ดทั่วไป ควรเลือกหัวเทียนให้ ตรงกับผู้ผลิต และควรตรวจสอบทุกๆ 10,000 กิโลเมตร ห้องเผาไหม้ของรถที่ใช้แก๊ส (LPG) จะร้อนกว่ารถใช้น้ำมัน เนื่องจากแก๊สให้ค่าความร้อนสูงกว่าน้ำมันมาก จึงควรเลือกหัวเทียนเย็น แต่ถ้าเบอร์ปกติใช้ได้ดี ไม่จำเป็นต้องเปลี่่ยน
การเลือกหัวเทียนให้เหมาะกับสภาพการทำงานของเครื่องยนต์มีข้อควรคำนึงสำคัญ 2 ประการ คือ
ค่า ความร้อน : เนื่องจากหัวเทียนยื่นเข้าไปในห้องเผาไหม้ ได้รับความร้อนจากห้องเผาไหม้อยู่ตลอดเวลา จึงจำเป็นต้องมีการระบายความร้อน ความสามารถในการระบายความร้อนนี้เรียกว่า “ค่าความร้อน” ซึ่งหัวเทียนที่เราเรียกกันว่า หัวเทียนร้อน (หัวเทียนที่ระบายความร้อนได้ช้า) หรือ หัวเทียนเย็น (หัวเทียนที่ระบายความร้อนได้เร็ว) สามารถดูได้จากเบอร์ของหัวเทียน
ความยาวเกลียว : การเลือกหัวเทียนควรต้องระวังในเรื่องความยาวเกลียวด้วย เพราะหากยาวเกินไป จะทำให้เกิดความเสียหายต่อหัวลูกสูบเมื่อเครื่องยนต์ทำงาน
ที่มา : http://www.tpautopart.com